วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2556

เผลอใจไปเจอ : พิพิธภัณฑ์หอยกรุงเทพฯ


" สถานีต่อไป สะพานตากสิน Next station Saphan Taksin "

     สิ้นเสียงประกาศ ผู้เขียนก็ลุกขึ้นยืนแล้วก้าวออกจากขบวนรถไฟฟ้าอย่างระมัดระวัง เดินออกจากสถานีมาเรื่อยๆ จนถึงซอยสีลม 23 มองซ้ายมองขวาดูความเจริญในย่านนั้น ต่างจากที่ผู้เขียนอยู่เสียจริงๆ มีอาคารตึกสูงเต็มไปหมด แล้วต้องหยุดเดิน เมื่อสายตามาสะดุดเจอกับอาคารเล็กๆ อาคารหนึ่ง ประมาณสองห้องแถวก็ว่าได้ หันหน้าเข้าหาอาคาร เห็นป้ายขนาดใหญ่               BANGKOK SEASHELL MUSEAM 

      ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จึงเดินเข้าไปข้างใน โอ้โห !!! เปลือกหอยวางเรียงรายอยู่เต็มเลย มีทั้งขนาดใหญ่และเล็ก หลากหลายชนิดมาก รูปร่างแปลกตา สีสันสวยงาม มีหอยหายาก เช่น หอยมือเสือยักษ์ จากนั้นเดินขึ้นชั้น 2 ในส่วนนี้ก้ยังมีเปลือกหอยสีสันสวยงามจากทั่วโลก เช่น หอยแครงหัวใจ หอยพระอาทิตย์ หอยเกลียวชั้นญี่ปุ่น หอยงวงช้าง


     เปลือกหอยที่ผู้เขียนชอบมากที่สุด ก็คือ เปลือกหอยเชลล์ค่ะ  ไม่น่าเชื่อว่า เปลือกหอยเชลล์จะมีสีสันสวยงามขนาดนี้ เหมือนของเล่นเลยค่ะ คิดเเล้วอยากได้กลับไปครอบครอง ฮ่าๆ


     และที่เห็นได้ชัดเจน คงจะหนีไม่พ้น หอยสังข์มงคล

                                                                                      
      หอยสังข์มงคล มีที่มาจากการที่ดินแดนสุวรรณภูมิแต่โบราณรับเอาวัฒนธรรมความเชื่อและจารีตปฏิบัติมาจากชมพูทวีป (อินเดียในปัจจุปัน) โดยหอยสังข์นั้นเปรียบเสมือนตัวแทนแห่งมหาเทพในตำนานปรัมปราฝ่ายฮินดู (ต่อมาพุทธก็รับมาปรับใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาด้วย) เกลียวส่วนยอดนั้น เปรียบเสมือนยอดเขาสุเมรุที่สูงสุดแห่งโลกสีขาวบริสุทธิ์เปรียบด้วยความบริสุทธิ์แห่งพิธีกรรมและน้ำที่ไหลจากเกลียวยอด (ก้นหอย) ลงมานั้น จะผ่านแนวริ้วเกลียวรอบปากที่เรียกกันว่า" รอยนิ้วแห่งพระนารายณ์ "ลงสู่ส่วนหางที่เป็นเสมือนสายแห่งพระแม่คงคา ลงสู่ร่างกายของผู้ร่วมพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์
     สังข์ที่เวียนกลับทางนั้น หาได้ยากจากหลายล้านเปลือก ซึ่งถือเป็นสิ่งมงคลสูงสุดแห่งพิธีกรรมชั้นสูง ชนิดที่พบได้ยากที่สุด คือ " สังข์สยาม " หรือ " สังข์สุวรรณภูมิ " ที่พบจากตอนเหนือแห่งเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งพื้นที่อาศัยที่เคยพบได้ถล่มจมหายไปพร้อมการเกิดสึนามิ นอกเมืองบันดาอาเจะห์ จึงไม่พบหอยนี้อีกเลยในปัจจุปัน 
     มาชั้น 2 ได้รับความรู้เต็มๆ เลยนะคะ เดินขึ้นชั้น 3 ชั้นนี้มีเปลือกหอยน้ำจืด เช่น หอยกาบ หอยเดื่อยไก่ดำ หอยกาบน้ำจืดยักษ์ เป็นต้น เดินชมจนทั่วแล้ว กลับดีกว่า แต่เอ๊ะ !!! เค้าทำอะไรกัน คนดูเต็มเลย อ๋อ โซนขายของที่ระลึก นี่เอง มีทั้งพวงกุญแจ สร้อยข้อมือ โมบาย กระเป๋า ตุ๊กตาจากเปลือกหอย




     ซื้อของฝากเรียบร้อยแล้ว กลับบ้านได้หรือยังนะ อย่าเพิ่งกลับนะ (ตอบเองเลย ฮ่าๆ) ผู้เขียนยังไม่ได้บอกเพื่อนๆเลย ว่าที่นี่คือ พิพิธภัณฑ์หอยกรุงเทพฯ มีลักษณะเป็นนิทรรศการถาวรในรูปของพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงเปลือกหอยทะเลและน้ำจืดอย่างมากมาย ให้ความรู้เกี่ยวกับเปลือกหอยชนิดต่างๆ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น. ค่าเช้าชม คนไทย 100 บาท ชาวต่างประเทศ 200 บาท แต่สำหรับผู้เขียนยังเป็นนิสิตนักศึกษา ราคา 50 บาทค่ะ สอบถามรายละเอียดได้ที่ 0-2234-0291                        
    เมฆครึ้มมาเเล้ว ผู้เขียนขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ แล้วจะกลับมาใหม่นะ สวัสดีค่ะ...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น