วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556

Techno Techno Showcase

     Techno Techno Techno !!! นิสิตวิชาเอกนี้เค้าเรียนอะไรกันบ้างนะ เค้าทำอะไรได้บ้างนะ คำถามที่หลายคนยังสงสัยอยู่ วันนี้ผู้เขียนจะพามาไขข้อข้องใจให้กับใครหลายๆ คนในงานนี้

TECHNO SHOWCASE ก้าวล้ำนำการศึกษา

     งาน TECHNO SHOWCASE ก้าวล้ำนำการศึกษา เป็นนิทรรศการที่จัดขึ้นโดยนิสิตชั้นปีที่ 4 วิชาเอกเทคโนโลยีสื่อสารการศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จัดแสดงเมื่อวันที่ 15-16 สิงหาคม 2556 ชั้น 1 อาคารนวัตกรรม ศาสตราจารย์ ดร.สาโรธ บัวศรี ภายในงานจัดแสดงผลงานของนิสิต ให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีทางการศึกษาและมี Workshop ให้ผู้ร่วมงานได้ทดลองปฏิบัติจริง มีทั้งหมด 8 บูท ได้แก่ 
     บูท Now You See Me ให้ความรู้เกี่ยวกับการถ่ายทำ การตัดต่อรายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษา
     บูท Do You Hear Me ให้ความรู้เกี่ยวกับการบันทึกเสียง การจัดรายการวิทยุเพื่อการศึกษา
     บูท Tech for Teach จัดแสดงสื่อการสอนและผลิตสื่อการสอนเพื่อนำไปใช้ในการศึกษา
     บูท See Snap จัดแสดงภาพถ่ายของนิสิตและสอนการถ่ายภาพเบื้องต้น
     บูท Away so Far ให้ความรู้เกี่ยวกับการเรียนการสอนทางไกล
     บูท X-Ploring tech for fun ให้ความรู้เกี่ยวกับเกมเพื่ิอการศึกษาและให้ผู้เข้าชมงานเล่นเกมลุ้นรับรางวัล
     บูท Read Me Please ให้ความรู้เกี่ยวกับการผลิตสื่อสิ่งพิมพ์และแสดงผลงานของนิสิต
     บูท Around the World ให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้โชเชียลเน็ตเวิร์กเพื่อการศึกษา

      ในการจัดงานครั้งนี้ ผู้เขียนได้มีส่วนร่วมในการจัดบูท Away so Far เป็นบูทที่น่าสนใจมากเลยนะคะ เพราะกว่าจะมาเป็น  Away so Far ไม่ใช่ง่ายๆ เลยนะ เพราะบูทนี้จะต้องทำโมเดลการเรียนการสอนทางไกล ตอนเเรกคิดว่าง่าย ทำสองสามวันก็เสร็จ ทำไปทำมา เอ๊ะ !!! ทำไมถึงไม่เหมือนแบบที่หามาเลย ใช้วัสดุแบบไหนถึงจะเหมือนจริงมากที่สุด ตอนนั้นก็กลัวและเครียดมาก กลัวว่าจะทำไม่เสร็จทันงาน แต่ด้วยความร่วมมือและร่วมใจของเพื่อนๆ สมาชิกในกลุ่มและรุ่นน้อง จึงทำให้โมเดลเสร็จสมบูรณ์ตามวันที่กำหนด ผู้เข้าชมงานให้ความสนใจโมเดลของพวกเราเป็นอย่างมาก บางคนถึงกับถ่ายรูปคู่กับโมเดลด้วยเลยทีเดียว เห็นแบบนี้เเล้ว ก็แอบยิ้มเบาๆ ให้กับผลงานของตนเองที่มีคนให้ความสนใจ





     จากการจัดงานครั้งนี้ ผู้เขียนไม่หวังอะไรมากไปกว่า ประสบการณ์ที่ได้รับจากการทำงานร่วมกับผู้อื่นที่ต้องใช้ความอดทน รับฟังความเห็นของผู้อื่น เพราะเรียนเเค่ทฤษฎี เราก็ได้แค่รู้ แต่ถ้าเราได้ลงมือปฏิบัติเราย่อมได้อะไรกลับไปมากกว่าที่คิดแน่นอน สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณอาจารย์นัทธีรัตน์ เพื่อนๆ และน้องๆ ที่คอยช่วยเหลือกันจนงานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี...ขอบคุณค่ะ
ขอฝากข้อคิดไว้ว่า " ระหว่างการเดินทางสำคัญกว่าจุดหมาย "



วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2556

เผลอใจไปเจอ : พิพิธภัณฑ์หอยกรุงเทพฯ


" สถานีต่อไป สะพานตากสิน Next station Saphan Taksin "

     สิ้นเสียงประกาศ ผู้เขียนก็ลุกขึ้นยืนแล้วก้าวออกจากขบวนรถไฟฟ้าอย่างระมัดระวัง เดินออกจากสถานีมาเรื่อยๆ จนถึงซอยสีลม 23 มองซ้ายมองขวาดูความเจริญในย่านนั้น ต่างจากที่ผู้เขียนอยู่เสียจริงๆ มีอาคารตึกสูงเต็มไปหมด แล้วต้องหยุดเดิน เมื่อสายตามาสะดุดเจอกับอาคารเล็กๆ อาคารหนึ่ง ประมาณสองห้องแถวก็ว่าได้ หันหน้าเข้าหาอาคาร เห็นป้ายขนาดใหญ่               BANGKOK SEASHELL MUSEAM 

      ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จึงเดินเข้าไปข้างใน โอ้โห !!! เปลือกหอยวางเรียงรายอยู่เต็มเลย มีทั้งขนาดใหญ่และเล็ก หลากหลายชนิดมาก รูปร่างแปลกตา สีสันสวยงาม มีหอยหายาก เช่น หอยมือเสือยักษ์ จากนั้นเดินขึ้นชั้น 2 ในส่วนนี้ก้ยังมีเปลือกหอยสีสันสวยงามจากทั่วโลก เช่น หอยแครงหัวใจ หอยพระอาทิตย์ หอยเกลียวชั้นญี่ปุ่น หอยงวงช้าง


     เปลือกหอยที่ผู้เขียนชอบมากที่สุด ก็คือ เปลือกหอยเชลล์ค่ะ  ไม่น่าเชื่อว่า เปลือกหอยเชลล์จะมีสีสันสวยงามขนาดนี้ เหมือนของเล่นเลยค่ะ คิดเเล้วอยากได้กลับไปครอบครอง ฮ่าๆ


     และที่เห็นได้ชัดเจน คงจะหนีไม่พ้น หอยสังข์มงคล

                                                                                      
      หอยสังข์มงคล มีที่มาจากการที่ดินแดนสุวรรณภูมิแต่โบราณรับเอาวัฒนธรรมความเชื่อและจารีตปฏิบัติมาจากชมพูทวีป (อินเดียในปัจจุปัน) โดยหอยสังข์นั้นเปรียบเสมือนตัวแทนแห่งมหาเทพในตำนานปรัมปราฝ่ายฮินดู (ต่อมาพุทธก็รับมาปรับใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาด้วย) เกลียวส่วนยอดนั้น เปรียบเสมือนยอดเขาสุเมรุที่สูงสุดแห่งโลกสีขาวบริสุทธิ์เปรียบด้วยความบริสุทธิ์แห่งพิธีกรรมและน้ำที่ไหลจากเกลียวยอด (ก้นหอย) ลงมานั้น จะผ่านแนวริ้วเกลียวรอบปากที่เรียกกันว่า" รอยนิ้วแห่งพระนารายณ์ "ลงสู่ส่วนหางที่เป็นเสมือนสายแห่งพระแม่คงคา ลงสู่ร่างกายของผู้ร่วมพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์
     สังข์ที่เวียนกลับทางนั้น หาได้ยากจากหลายล้านเปลือก ซึ่งถือเป็นสิ่งมงคลสูงสุดแห่งพิธีกรรมชั้นสูง ชนิดที่พบได้ยากที่สุด คือ " สังข์สยาม " หรือ " สังข์สุวรรณภูมิ " ที่พบจากตอนเหนือแห่งเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งพื้นที่อาศัยที่เคยพบได้ถล่มจมหายไปพร้อมการเกิดสึนามิ นอกเมืองบันดาอาเจะห์ จึงไม่พบหอยนี้อีกเลยในปัจจุปัน 
     มาชั้น 2 ได้รับความรู้เต็มๆ เลยนะคะ เดินขึ้นชั้น 3 ชั้นนี้มีเปลือกหอยน้ำจืด เช่น หอยกาบ หอยเดื่อยไก่ดำ หอยกาบน้ำจืดยักษ์ เป็นต้น เดินชมจนทั่วแล้ว กลับดีกว่า แต่เอ๊ะ !!! เค้าทำอะไรกัน คนดูเต็มเลย อ๋อ โซนขายของที่ระลึก นี่เอง มีทั้งพวงกุญแจ สร้อยข้อมือ โมบาย กระเป๋า ตุ๊กตาจากเปลือกหอย




     ซื้อของฝากเรียบร้อยแล้ว กลับบ้านได้หรือยังนะ อย่าเพิ่งกลับนะ (ตอบเองเลย ฮ่าๆ) ผู้เขียนยังไม่ได้บอกเพื่อนๆเลย ว่าที่นี่คือ พิพิธภัณฑ์หอยกรุงเทพฯ มีลักษณะเป็นนิทรรศการถาวรในรูปของพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงเปลือกหอยทะเลและน้ำจืดอย่างมากมาย ให้ความรู้เกี่ยวกับเปลือกหอยชนิดต่างๆ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น. ค่าเช้าชม คนไทย 100 บาท ชาวต่างประเทศ 200 บาท แต่สำหรับผู้เขียนยังเป็นนิสิตนักศึกษา ราคา 50 บาทค่ะ สอบถามรายละเอียดได้ที่ 0-2234-0291                        
    เมฆครึ้มมาเเล้ว ผู้เขียนขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ แล้วจะกลับมาใหม่นะ สวัสดีค่ะ...

วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2556

เปิดหน้าต่างความรู้ สู่ประตูอาเซียน (Online Exhibitions)


เปิดเพลงคลอเบาๆ รอเพื่อนๆทุกคน...

" สะบายดี ซาลามัตปากี มิงกาลาบา กูมุสตา ซินจ่าว " 
         เพื่อนๆ สงสัยว่า ทำไมวันนี้ผู้เขียนมาแปลกๆ พิมภาษาอะไร ไม่เข้าใจ ฮ่าๆ ใช่แล้วค่ะ                           วันนี้มาแปลกใหม่ คำข้างต้นที่กล่าวมาแปลเป็นภาษาไทยก็คือ " สวัสดี " ซึ่งคำทักทายของประเทศต่างๆในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) นั่นเอง นับถอยหลังก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 ปีเองนะคะ ถือว่าไม่นานเลย ที่ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่อาเซียน เพื่อนๆ พร้อมกันหรือยังคะ ถ้ายังเราไปทำความรู้จักกับ 10 ประเทศในกลุ่มอาเซียนได้ใน นิทรรศการ เปิดโลกการเรียนรู้สู่อาเซียน กันเลยค่ะ



            
          นิทรรศการ เปิดโลกการเรียนรู้สู่อาเซียน เป็นนิทรรศการออนไลน์ของมหาวิทยาลัยบูรพา                 มีลักษณะเป็นสื่อประสม ให้ความรู้และความเพลิดเพลิน นำเสนอเนื้อหาความรู้เกี่ยวกับความเป็นมา วัตถุประสงค์ คำขวัญ สัญลักษณ์ เครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน ข้อมูลพื้นฐานทั้ง 10 ประเทศ ประกอบไปด้วย ประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย บรูไน เวียดนาม ลาว พม่าและกัมพูชา นอกจากนี้ ยังมีอาชีพที่เปิดเสรีให้ทำงานได้ทุกประเทศในอาเซียน

  
              
          เสน่ห์ของนิทรรศการออนไลน์อยู่ที่ความพิเศษในการถ่ายทอดเนื้อหา ทั้งในรูปแบบของ                        ตัวหนังสือ รูปภาพและเสียง เข้าใจง่าย รวดเร็ว เป็นอัตโนมัติ มีความน่าสนใจมากกว่าการอ่านข้อความธรรมดา  สามารถเลือกอ่านได้ทุกทีทุกเวลาตามความสะดวก ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม อีกทั้งยังเป็นสื่อที่เผยแพร่ข้อมูลได้อย่างกว้างขวาง เข้าถึงผู้คนได้ทุกระดับและยังเลือกชมตามความสนใจได้อีกด้วย
     ตอนนี้ใครที่ยังว่าง รีบเข้ามาชม  นิทรรศการ เปิดโลกการเรียนรู้สู่อาเซียน กันได้เลย ความรู้ดีๆยังรอคุณอยู่นะคะ...