วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556

Techno Techno Showcase

     Techno Techno Techno !!! นิสิตวิชาเอกนี้เค้าเรียนอะไรกันบ้างนะ เค้าทำอะไรได้บ้างนะ คำถามที่หลายคนยังสงสัยอยู่ วันนี้ผู้เขียนจะพามาไขข้อข้องใจให้กับใครหลายๆ คนในงานนี้

TECHNO SHOWCASE ก้าวล้ำนำการศึกษา

     งาน TECHNO SHOWCASE ก้าวล้ำนำการศึกษา เป็นนิทรรศการที่จัดขึ้นโดยนิสิตชั้นปีที่ 4 วิชาเอกเทคโนโลยีสื่อสารการศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จัดแสดงเมื่อวันที่ 15-16 สิงหาคม 2556 ชั้น 1 อาคารนวัตกรรม ศาสตราจารย์ ดร.สาโรธ บัวศรี ภายในงานจัดแสดงผลงานของนิสิต ให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีทางการศึกษาและมี Workshop ให้ผู้ร่วมงานได้ทดลองปฏิบัติจริง มีทั้งหมด 8 บูท ได้แก่ 
     บูท Now You See Me ให้ความรู้เกี่ยวกับการถ่ายทำ การตัดต่อรายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษา
     บูท Do You Hear Me ให้ความรู้เกี่ยวกับการบันทึกเสียง การจัดรายการวิทยุเพื่อการศึกษา
     บูท Tech for Teach จัดแสดงสื่อการสอนและผลิตสื่อการสอนเพื่อนำไปใช้ในการศึกษา
     บูท See Snap จัดแสดงภาพถ่ายของนิสิตและสอนการถ่ายภาพเบื้องต้น
     บูท Away so Far ให้ความรู้เกี่ยวกับการเรียนการสอนทางไกล
     บูท X-Ploring tech for fun ให้ความรู้เกี่ยวกับเกมเพื่ิอการศึกษาและให้ผู้เข้าชมงานเล่นเกมลุ้นรับรางวัล
     บูท Read Me Please ให้ความรู้เกี่ยวกับการผลิตสื่อสิ่งพิมพ์และแสดงผลงานของนิสิต
     บูท Around the World ให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้โชเชียลเน็ตเวิร์กเพื่อการศึกษา

      ในการจัดงานครั้งนี้ ผู้เขียนได้มีส่วนร่วมในการจัดบูท Away so Far เป็นบูทที่น่าสนใจมากเลยนะคะ เพราะกว่าจะมาเป็น  Away so Far ไม่ใช่ง่ายๆ เลยนะ เพราะบูทนี้จะต้องทำโมเดลการเรียนการสอนทางไกล ตอนเเรกคิดว่าง่าย ทำสองสามวันก็เสร็จ ทำไปทำมา เอ๊ะ !!! ทำไมถึงไม่เหมือนแบบที่หามาเลย ใช้วัสดุแบบไหนถึงจะเหมือนจริงมากที่สุด ตอนนั้นก็กลัวและเครียดมาก กลัวว่าจะทำไม่เสร็จทันงาน แต่ด้วยความร่วมมือและร่วมใจของเพื่อนๆ สมาชิกในกลุ่มและรุ่นน้อง จึงทำให้โมเดลเสร็จสมบูรณ์ตามวันที่กำหนด ผู้เข้าชมงานให้ความสนใจโมเดลของพวกเราเป็นอย่างมาก บางคนถึงกับถ่ายรูปคู่กับโมเดลด้วยเลยทีเดียว เห็นแบบนี้เเล้ว ก็แอบยิ้มเบาๆ ให้กับผลงานของตนเองที่มีคนให้ความสนใจ





     จากการจัดงานครั้งนี้ ผู้เขียนไม่หวังอะไรมากไปกว่า ประสบการณ์ที่ได้รับจากการทำงานร่วมกับผู้อื่นที่ต้องใช้ความอดทน รับฟังความเห็นของผู้อื่น เพราะเรียนเเค่ทฤษฎี เราก็ได้แค่รู้ แต่ถ้าเราได้ลงมือปฏิบัติเราย่อมได้อะไรกลับไปมากกว่าที่คิดแน่นอน สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณอาจารย์นัทธีรัตน์ เพื่อนๆ และน้องๆ ที่คอยช่วยเหลือกันจนงานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี...ขอบคุณค่ะ
ขอฝากข้อคิดไว้ว่า " ระหว่างการเดินทางสำคัญกว่าจุดหมาย "



วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2556

เผลอใจไปเจอ : พิพิธภัณฑ์หอยกรุงเทพฯ


" สถานีต่อไป สะพานตากสิน Next station Saphan Taksin "

     สิ้นเสียงประกาศ ผู้เขียนก็ลุกขึ้นยืนแล้วก้าวออกจากขบวนรถไฟฟ้าอย่างระมัดระวัง เดินออกจากสถานีมาเรื่อยๆ จนถึงซอยสีลม 23 มองซ้ายมองขวาดูความเจริญในย่านนั้น ต่างจากที่ผู้เขียนอยู่เสียจริงๆ มีอาคารตึกสูงเต็มไปหมด แล้วต้องหยุดเดิน เมื่อสายตามาสะดุดเจอกับอาคารเล็กๆ อาคารหนึ่ง ประมาณสองห้องแถวก็ว่าได้ หันหน้าเข้าหาอาคาร เห็นป้ายขนาดใหญ่               BANGKOK SEASHELL MUSEAM 

      ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จึงเดินเข้าไปข้างใน โอ้โห !!! เปลือกหอยวางเรียงรายอยู่เต็มเลย มีทั้งขนาดใหญ่และเล็ก หลากหลายชนิดมาก รูปร่างแปลกตา สีสันสวยงาม มีหอยหายาก เช่น หอยมือเสือยักษ์ จากนั้นเดินขึ้นชั้น 2 ในส่วนนี้ก้ยังมีเปลือกหอยสีสันสวยงามจากทั่วโลก เช่น หอยแครงหัวใจ หอยพระอาทิตย์ หอยเกลียวชั้นญี่ปุ่น หอยงวงช้าง


     เปลือกหอยที่ผู้เขียนชอบมากที่สุด ก็คือ เปลือกหอยเชลล์ค่ะ  ไม่น่าเชื่อว่า เปลือกหอยเชลล์จะมีสีสันสวยงามขนาดนี้ เหมือนของเล่นเลยค่ะ คิดเเล้วอยากได้กลับไปครอบครอง ฮ่าๆ


     และที่เห็นได้ชัดเจน คงจะหนีไม่พ้น หอยสังข์มงคล

                                                                                      
      หอยสังข์มงคล มีที่มาจากการที่ดินแดนสุวรรณภูมิแต่โบราณรับเอาวัฒนธรรมความเชื่อและจารีตปฏิบัติมาจากชมพูทวีป (อินเดียในปัจจุปัน) โดยหอยสังข์นั้นเปรียบเสมือนตัวแทนแห่งมหาเทพในตำนานปรัมปราฝ่ายฮินดู (ต่อมาพุทธก็รับมาปรับใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาด้วย) เกลียวส่วนยอดนั้น เปรียบเสมือนยอดเขาสุเมรุที่สูงสุดแห่งโลกสีขาวบริสุทธิ์เปรียบด้วยความบริสุทธิ์แห่งพิธีกรรมและน้ำที่ไหลจากเกลียวยอด (ก้นหอย) ลงมานั้น จะผ่านแนวริ้วเกลียวรอบปากที่เรียกกันว่า" รอยนิ้วแห่งพระนารายณ์ "ลงสู่ส่วนหางที่เป็นเสมือนสายแห่งพระแม่คงคา ลงสู่ร่างกายของผู้ร่วมพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์
     สังข์ที่เวียนกลับทางนั้น หาได้ยากจากหลายล้านเปลือก ซึ่งถือเป็นสิ่งมงคลสูงสุดแห่งพิธีกรรมชั้นสูง ชนิดที่พบได้ยากที่สุด คือ " สังข์สยาม " หรือ " สังข์สุวรรณภูมิ " ที่พบจากตอนเหนือแห่งเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งพื้นที่อาศัยที่เคยพบได้ถล่มจมหายไปพร้อมการเกิดสึนามิ นอกเมืองบันดาอาเจะห์ จึงไม่พบหอยนี้อีกเลยในปัจจุปัน 
     มาชั้น 2 ได้รับความรู้เต็มๆ เลยนะคะ เดินขึ้นชั้น 3 ชั้นนี้มีเปลือกหอยน้ำจืด เช่น หอยกาบ หอยเดื่อยไก่ดำ หอยกาบน้ำจืดยักษ์ เป็นต้น เดินชมจนทั่วแล้ว กลับดีกว่า แต่เอ๊ะ !!! เค้าทำอะไรกัน คนดูเต็มเลย อ๋อ โซนขายของที่ระลึก นี่เอง มีทั้งพวงกุญแจ สร้อยข้อมือ โมบาย กระเป๋า ตุ๊กตาจากเปลือกหอย




     ซื้อของฝากเรียบร้อยแล้ว กลับบ้านได้หรือยังนะ อย่าเพิ่งกลับนะ (ตอบเองเลย ฮ่าๆ) ผู้เขียนยังไม่ได้บอกเพื่อนๆเลย ว่าที่นี่คือ พิพิธภัณฑ์หอยกรุงเทพฯ มีลักษณะเป็นนิทรรศการถาวรในรูปของพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงเปลือกหอยทะเลและน้ำจืดอย่างมากมาย ให้ความรู้เกี่ยวกับเปลือกหอยชนิดต่างๆ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น. ค่าเช้าชม คนไทย 100 บาท ชาวต่างประเทศ 200 บาท แต่สำหรับผู้เขียนยังเป็นนิสิตนักศึกษา ราคา 50 บาทค่ะ สอบถามรายละเอียดได้ที่ 0-2234-0291                        
    เมฆครึ้มมาเเล้ว ผู้เขียนขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ แล้วจะกลับมาใหม่นะ สวัสดีค่ะ...

วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2556

เปิดหน้าต่างความรู้ สู่ประตูอาเซียน (Online Exhibitions)


เปิดเพลงคลอเบาๆ รอเพื่อนๆทุกคน...

" สะบายดี ซาลามัตปากี มิงกาลาบา กูมุสตา ซินจ่าว " 
         เพื่อนๆ สงสัยว่า ทำไมวันนี้ผู้เขียนมาแปลกๆ พิมภาษาอะไร ไม่เข้าใจ ฮ่าๆ ใช่แล้วค่ะ                           วันนี้มาแปลกใหม่ คำข้างต้นที่กล่าวมาแปลเป็นภาษาไทยก็คือ " สวัสดี " ซึ่งคำทักทายของประเทศต่างๆในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) นั่นเอง นับถอยหลังก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 ปีเองนะคะ ถือว่าไม่นานเลย ที่ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่อาเซียน เพื่อนๆ พร้อมกันหรือยังคะ ถ้ายังเราไปทำความรู้จักกับ 10 ประเทศในกลุ่มอาเซียนได้ใน นิทรรศการ เปิดโลกการเรียนรู้สู่อาเซียน กันเลยค่ะ



            
          นิทรรศการ เปิดโลกการเรียนรู้สู่อาเซียน เป็นนิทรรศการออนไลน์ของมหาวิทยาลัยบูรพา                 มีลักษณะเป็นสื่อประสม ให้ความรู้และความเพลิดเพลิน นำเสนอเนื้อหาความรู้เกี่ยวกับความเป็นมา วัตถุประสงค์ คำขวัญ สัญลักษณ์ เครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน ข้อมูลพื้นฐานทั้ง 10 ประเทศ ประกอบไปด้วย ประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย บรูไน เวียดนาม ลาว พม่าและกัมพูชา นอกจากนี้ ยังมีอาชีพที่เปิดเสรีให้ทำงานได้ทุกประเทศในอาเซียน

  
              
          เสน่ห์ของนิทรรศการออนไลน์อยู่ที่ความพิเศษในการถ่ายทอดเนื้อหา ทั้งในรูปแบบของ                        ตัวหนังสือ รูปภาพและเสียง เข้าใจง่าย รวดเร็ว เป็นอัตโนมัติ มีความน่าสนใจมากกว่าการอ่านข้อความธรรมดา  สามารถเลือกอ่านได้ทุกทีทุกเวลาตามความสะดวก ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม อีกทั้งยังเป็นสื่อที่เผยแพร่ข้อมูลได้อย่างกว้างขวาง เข้าถึงผู้คนได้ทุกระดับและยังเลือกชมตามความสนใจได้อีกด้วย
     ตอนนี้ใครที่ยังว่าง รีบเข้ามาชม  นิทรรศการ เปิดโลกการเรียนรู้สู่อาเซียน กันได้เลย ความรู้ดีๆยังรอคุณอยู่นะคะ...
     

วันอังคารที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556

Amez magazine

ตลอดระยะเวลากว่า 5 เดือนที่ผ่านมา พวกเราได้ออกเดินทางศึกษาหาความรู้ตามสถานที่ต่างๆ ที่แปลกใหม่และยังไม่เคยไปมาก่อน ไม่ว่าใกล้หรือไกลก็ดั้นด้นจนไปถึง เก็บภาพความประทับใจและบรรยากาศสวยๆ มาฝาก ทุ่มเทด้วยหยาดเหงื่อ แรงกายและแรงใจของพวกเรา จนเกิดมาเป็น “ Amez Magazine

Amez Magazine ” นิตยสารสารคดีสำหรับคนรุ่นใหม่ ผลิตโดยนิสิตคณะศึกษาศาสตร์ วิชาเอกเทคโนโลยีสื่อสารการศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

ในฐานะที่เป็นบรรณาธิการของนิตยสาร “ Amez Magazine ” อยากบอกว่า
“ การเป็นบรรณาธิการจะต้องควบคุมนิตยสารทั้งเล่ม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการกำหนดคอลัมน์จะต้องมีความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของนิตยสาร การเขียนคอลัมน์ต้องใช้ภาษาที่สละสลวย อ่านง่าย ไม่ใช้ศัพท์แสลง การเลือกภาพต้องใช้ภาพที่สื่อความหมายชัดเจน การกำหนดจำนวนหน้าในแต่ละคอลัมน์ต้องมีความเหมาะสม ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป การจัดวางหน้าต้องจัดวางทั้งตัวอักษรและภาพให้น่าสนใจ จุดเด่นควรจะอยู่ส่วนใดของหน้า การใช้สีพื้นหลังและตัวอักษรต้องสื่อความหมายและสอดคล้องกันในคอลัมน์นั้นๆ ตลอดจนถึงการเลือกกระดาษที่จะใช้ในการพิมพ์ออกมาเป็นเล่ม ทุกๆ ขั้นตอนต้องสื่อความเป็นตัวตนของ  Amez Magazine ออกมา
จากการทำงานในครั้งนี้ ทำให้ได้รู้ว่า การทำงานร่วมกับผู้อื่นที่เป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้และปรับตัว ต้องรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น มีเหตุผล มีความกระตือรือร้น มีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย และที่สำคัญที่สุด คือ ความตรงต่อเวลา งานจะเสร็จตามที่กำหนดหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความตรงต่อเวลาของแต่ละคน นอกจากนี้ ยังทำให้ได้ค้นพบความถนัดของแต่ละคนและเห็นความสามารถที่หลบซ่อนอยู่
ขอขอบคุณ อาจารย์นัทธีรัตน์ พีระพันธุ์ ที่คอยให้คำปรึกษาจนงานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
ติดตามชมผลงานของพวกเราได้ที่ http://issuu.com/teerapornlaokawee/docs/amezmagazine?mode=window&viewMode=doublePage

เป้าหมายที่เราต้องการไม่ใช่รูปเล่มนิตยสารเพียงแค่หนึ่งเล่ม
แต่เป็นสิ่งที่เราได้เจอระหว่างการทำนิตยสาร นั่นเอง

วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2556

แปลกใหม่ เเต่ใช้ได้จริง

เบื่อไหมกับอะไรเดิมๆ อยากเจออะไรใหม่บ้าง ชีวิตจะได้ไม่น่าเบื่อ
วันนี้ผู้เขียนนั่งเล่นอินเทอร์เน็ตอยู่เพลินๆ ก็เปิดไปเจอของแปลกๆ เข้าซะแล้ว อย่าเรียกว่าของแปลก มันจะดูไม่ดี เรียกว่า ผลงานการสร้างสรรค์จากความคิดใหม่ๆ ของคนไทย ดูดีกว่าเยอะ น่าสนใจมากเลยนะคะ



รู้จักกับผลงานก่อน
ที่เห็นในภาพนี้เป็นบรรจุภัณฑ์จากกระดาษ นับว่าเป็นสิ่งพิมพ์อีกชนิดหนึ่ง เพราะมีการทำสำเนาและถูกพิมพ์เป็นจำนวนมาก บรรจุภัณฑ์ชิ้นนี้มีชื่อว่า กล่องผลไม้มะม่วง มะละกอ สับปะรด กล้วยผลงานของ คุณมานิตย์ กมลสุวรรณ บริษัท คอนติเนนตัล บรรจุภัณฑ์ ( ไทยแลนด์ ) จำกัด เป็นผลงานคุณภาพที่ได้รับรางวัลในงานประกวดสื่อสิ่งพิมพ์แห่งชาติ ครั้งที่ 6 ประจำปี 2554 ( Award Winner of  6th Thai Printing Awards 2011 )

ทำไมบรรจุภัณฑ์จากกระดาษชิ้นนี้จึงได้รับรางวัล
ความพิเศษและแปลกใหม่ของรูปแบบที่แตกต่างไปจากบรรจุภัณฑ์ทั่วไป ทำให้บรรจุภัณฑ์ที่มีชื่อว่า กล่องผลไม้มะม่วง มะละกอ สับปะรด กล้วย ชิ้นนี้ดูโดดเด่นขึ้นมาในทันที  จากที่เราเคยเห็นแต่กล่องสี่เหลี่ยมธรรมดา กลับกลายมาเป็นกล่องรูปผลไม้ ที่สามารถดึงดูดและเรียกความสนใจได้จากผู้บริโภคได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

ถ้าจะวิเคราะห์ตามหลักองค์ประกอบศิลป์ จะได้ ดังนี้
ตัวอักษร (Typography)
ตัวอักษรสามารถสื่อสารให้ผู้อ่านเข้าใจได้ จัดเรียงได้สวยงาม มีการกำหนดขนาดตามความสำคัญของแต่ละหัวข้อ เช่น ชื่อผลไม้จะใช้ตัวอักษรที่มีขนาดใหญ่ รายละเอียดจะใช้ตัวอักษรที่มีขนาดรองลงมาตามลำดับ เพื่อให้เกิดความชัดเจน อ่านง่าย สะดุดตา ใช้สีสันที่ชัดเจน โดยใช้สีที่ตรงข้ามกัน คือ สีม่วงกับสีเหลือง ทำให้ตัวอักษรมีความโดดเด่นขึ้นมา
รูปทรง (Shape)
รูปทรงของบรรจุภัณฑ์ มีลักษณะที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมาก เหมือนผลไม้จริงๆ
เหมาะกับการวางขายและสามารถวางซ้อนกันได้โดยที่ผลไม้ไม่ช้ำและเสียหาย มีการเหลือพื้นที่เพื่อให้เห็นผลไม้ที่อยู่ภายในได้ซึ่งดีกว่าการทำเป็นกล่องทึบ เพราะผู้บริโภคจะได้เห็นผลไม้ภายในว่ามีสภาพ รูปลักษณ์ น่าซื้อมากน้อยเพียงใด
สี (Color)
โทนสีของบรรจุภัณฑ์นี้จะเน้นไปที่สีเหลืองและสีม่วง ใช้สีที่มีความเหมือนกับผลไม้จริงๆ เช่น สีเหลืองใช้แทนกล้วย สีส้มใช้แทนมะละกอ ทำให้เห็นได้ง่ายว่าข้างในมีผลไม้ชนิดใด สีของฉลากสินค้าตัดกับตัวของบรรจุภัณฑ์ใช้สีสันที่สดใส โดดเด่น ดึงดูดผู้บริโภคได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
รู้แล้วใช่ไหมคะ ว่าทำไมบรรจุภัณฑ์จากกระดาษชิ้นนี้จึงได้รับรางวัล
จะเห็นได้ว่า แค่กล่องกระดาษธรรมดาก็สามารถสร้างมูลค่าให้กับตัวมันเองได้ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ถ้าคุณมีความคิดสร้างสรรค์ รู้จักที่จะประดิษฐ์ คิดค้น คิดให้ต่างไปจากคนอื่น  บวกกับการนำศิลปะเข้ามาประยุกต์ใช้ เราก็จะมี ผลงานคุณภาพแบบนี้ไว้ใช้ได้อย่างภาคภูมิใจ
ขอขอบคุณภาพสวยๆ จาก  http://www.facebook.com/photo.php?fbid=270607446304661&set=pb.109040172461390.-2207520000.1359295399&type=3&theater
 

วันเสาร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สิ่งที่มีคุณค่า ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้านหน้าเสมอไป

สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนค่ะ กลับมาพบกันอีกเช่นเคย หลังจากห่างหายไปนาน สบายดี มีความสุข กินอิ่ม นอนหลับกันนะคะ ใกล้จะถึงสิ้นเดือนแล้ว เค้าพูดกันว่า สิ้นเดือนเหมือนสิ้นใจ จริงหรือปล่าวคะ แล้วถ้าจริงเพื่อนๆมีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้างคะ ผู้เขียนก็เคยเป็นเหมือนกันค่ะ แต่ก็ใช้ชีวิตตามปกตินะคะ ไม่อดด้วยนะ แถมยังได้กินอาหารญี่ปุ่น (มาม่า) อีกต่างหาก ฮ่าๆ คลายเครียดก่อนเจอสาระความรู้
วันนี้เราจะมาพูดถึง เรื่องของ เงิน เงิน เงิน แล้วก็ เงิน เงินที่ว่านี้ขอพูดแค่เงินที่เป็นธนบัตรเท่านี้นะคะ

ธนบัตรจัดเป็นสิ่งพิมพ์ที่มีค่าชนิดหนึ่ง เมื่อจัดตามประเภทการใช้งาน
ในสมัยก่อน ค่าของเงินจะวัดจากวัตถุที่นำมาใช้เป็นเงิน เช่น เบี้ย ทอง แต่การถือวัตถุที่มีค่าเหล่านี้ออกไปจำนวนมาก ทำให้ไม่สะดวกและอาจเกิดอันตรายได้ จึงมีการใช้ธนบัตรเพื่อเป็นสื่อแลกเปลี่ยน ธนบัตรเป็นเหมือนสัญญาว่าจะให้เงินไปจำนวนหนึ่ง สามารถนำไปแลกคืนเป็นเงินหรือทองในภายหลังได้ ต่อมาจึงเกิดการแลกเปลี่ยนเพื่อสิ่งของและบริการ ไม่ต้องแลกเป็นเงินหรือทองอีก
การจัดทำและการนำออกใช้ธนบัตร เป็นหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่มีบทบาทสำคัญต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศเป็นอย่างยิ่ง ด้วยธนบัตรเป็นเงินที่สามารถชำระหนี้ได้ตามกฏหมายแล้ว ยิ่งต้องอาศัยการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัยและได้มาตรฐาน เพื่อให้ธนบัตรไทยมีความน่าเชื่อถือ สมกับเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนที่สำคัญ
ธนบัตรเป็นของที่มีค่าที่ของคนในชาติ ตระหนัก ให้ความสำคัญเกี่ยวกับธนบัตรและยังเป็นสื่อที่ทำหน้าที่เผยแพร่เอกลักษณ์ประจำชาติให้ทั่วโลกรู้จัก ดังนั้นการพิมพ์ธนบัตรจึงมักนำภาพที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความเจริญรุ่งเรือง ความภาคภูมิใจ ประวัติศาสตร์ อารยธรรมไทย ศิลปกรรม สถาปัตยกรรมและศิลปวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่า มาแสดงไว้ในธนบัตรอย่างผสมกลมกลืน
คุณค่าของธนบัตรอยู่ตรงไหน ?

ธนบัตรใบละ 20 บาท สีเขียว ด้านหลังของธนบัตร มีภาพของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ปรากฏอยู่ และพระราชดำรัสมีใจความสำคัญว่า “ ถ้าคนไทยทุกคน ถือว่าตนเป็นเจ้าของชาติบ้านเมืองและต่างปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและถูกต้องตามทำนองคลองธรรมแล้ว ความทุกยากของบ้านเมืองก็จะผ่านพ้นไปได้ ”
ธนบัตรใบละ 50 บาท สีฟ้า ด้านหลังของธนบัตร มีภาพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช แสดงถึงเหตุการณ์การทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชแม่ทัพพม่าที่ยกมารุกรานไทย จนถูกพระแสงของ้าวสิ้นพระชนม์ และกองทัพพม่า ต้องแตกพ่ายกลับไป
ธนบัตรใบละ 100 บาท สีแดง ด้านหลังของธนบัตร มีภาพของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระราชดำรัสมีใจความสำคัญว่า “ ประเพณีทาสที่มีอยู่ในพระราชอาณาจักรสยาม ถึงเป็นวิธีทาสทำสารกรมธรรม์ขายตัวด้วยใจสมัคร มิใช่ทาสเชลยที่เป็นการกดขี่อย่างร้ายแรงก็จริง แต่ก็เป็นเครื่องกีดขวางความเจริญประโยชน์และสุขสำราญของมหาชนอยู่อย่างหนึ่ง ซึ่งจำเป็นต้องเลิกถอนอย่าให้มีประเพณีทาสภายในอาณาจักรนี้ กรุงสยามจึงจะมีความเจริญสมบูรณ์เท่าทันประเทศอื่น ”
ธนบัตรใบละ 500 บาท สีม่วง ด้านหลังของธนบัตร มีภาพของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระราชดำรัสมีใจความสำคัญว่า  “ การงานสิ่งใดของเขาที่ดี ควรจะเรียนร่ำเอาไว้ ก็เอาอย่างเขา แต่อย่าให้นับถือเลื่อมใสไปเสียทีเดียว ”
ธนบัตรใบละ 1000 บาท สีเทา ด้านหลังของธนบัตร มีภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชดำรัสมีใจความสำคัญว่า “ เศรษฐกิจแบบพอมีพอกิน แบบพอมีพอกินนั้น หมายความว่า อุ้มชูตัวเองได้ ให้มีพอเพียงกับตัวเอง ”

จะเห็นได้ว่า ธนบัตรทุกชนิด ล้วนสื่อความหมายเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ พระราชดำรัส พระราชกรณียกิจ เหตุการณ์สำคัญ กว่าจะมาเป็นประเทศไทย สัญลักษณ์ ลวดลายที่ปรากฏบนธนบัตร มีความละเอียดอ่อนและปราณีต แสดงถึงความเป็นไทยได้เป็นอย่างดี เป็นสิ่งที่น่าจดจำและควรค่าแก่การอนุรักษ์เป็นอย่างยิ่ง

วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

โทรไม่ขับ

สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคน วันนี้มีความรู้เรื่อง " โทรไม่ขับ " มาฝากกันนะคะ 
เมื่อก่อน ปัจจัยสี่ อันได้แก่ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัยและยารักษาโรค แค่นี้มนุษย์ก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้แล้ว แต่ในปัจจุปัน แค่เพียงสี่ปัจจัยคงจะไม่เพียงพอแล้ว ต้องมีปัจจัยที่ห้า นั่นก็คือ โทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ทโฟนทั้งหลาย นั่นเอง
ในยุคปัจจุปัน โทรศัพท์มือถือ เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ขาดไม่ได้เลยก็ว่าได้ เพราะถ้าเราไม่มี เหมือนบางสิ่งบางอย่างมันขาดหายไปจากตัวเรา กระวนกระวาย รู้สึกกังวลอยู่ตลอดเวลา ( ผู้เขียนก็เคยรู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน ) ถ้าเป็นแบบนี้ก็แสดงว่า โทรศัพท์มือถือมีความสำคัญกับเรามากสินะ แต่ทำไมหลายคนกลับไม่ให้ความสำคัญกับการใช้โทรศัพท์มือถืออย่างถูกวิธี ถูกที่ ถูกกาลเทศะบ้าง บางคนคุยโทรศัพท์มือถือขณะขับรถ เล่นเกมบ้าง แชทบนโลกออนไลน์บ้าง ( สองอันหลังนี้เห็นมาด้วยตาของผู้เขียนเอง)โดยไม่คำนึงถึงอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นข้างหน้าเพียงไม่กี่เสี้ยววินาที
ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย เลยนำโปสเตอร์สวยๆ มาฝากเพื่อนๆ

โปสเตอร์นี้เป็นโปสเตอร์รณรงค์ความปลอดภัยในการขับรถ เป็นโฆษณาของหน่วยตำรวจจราจรในอินเดีย คือ Bangalore Traffic Police  ส่วนเอเจนซี่ คือ Mudra Group ใน India
สาเหตุที่ชอบ เพราะเป็นโปสเตอร์ที่แสดงถึงความคิดสร้างสรรค์ของครีเอทีพ เห็นแล้วสะเทือนใจ โดยเฉพาะสีหน้า ท่าทางของแบบและเลือดที่สาดกระเซ็น สีของภาพมีความลึกลับ น่ากลัว เป็นภาพที่สื่อความหมายได้ดี แม้ไม่มีคำบรรยาย ทำให้เราเห็นว่า แค่โทรศัพท์เพียงแค่ไม่กี่วินาที อาจจะส่งผลต่อชีวิตเละอนาคตของเราได้ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ชอบโทรแล้วขับ
จากผลการวิจัยของนักจิตวิทยาต่างชาติพบว่าการคุยโทรศัพท์ขณะขับรถโดยใช้มือเดียว จะทำให้เกิดความผิดพลาดได้ง่าย และการใช้มือถือขณะขับรถทำให้เกิดอาการ การรับรู้ล้นเกิน” (cognitive overload) ซึ่งเป็นผลให้เกิดอุบัติเหตุที่เท่าหรือสูงกว่าความผิดพลาดจากการขับรถ หรือ เมาแล้วขับการคุยและการถือโทรศัพท์ทำให้สมาธิระหว่างนั้นไขว้เขว
 นอกจากนั้นประโยคการสนทนาก็มีผลต่อสมาธิ หากการสนทนานั้นลึกซึ้งและต้องคิดมากจะรบกวนการขับขี่ โดยเฉพาะการมองเห็นสมาธิจากการโทรศัพท์ถูกแบ่งไปครึ่งหนึ่งทำให้สมาธิในการขับขี่เหลือเพียงครึ่งเดียวเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุอย่างมาก
 ดังนั้น ถ้าเราจะคุยโทรศัพท์ ควรจะจอดรถเข้าข้างทางเเล้วค่อยคุย เสียเวลานิดหน่อยคงจะไม่เป็นไร
                                                                                                                                                                                                                                                                                                           ด้วยด้วยความปรารถนาดีจาก...KINGKING
ขอขอบคุณ โปสเตอร์สวยๆ จาก http://www.marketingoops.com/ads-ideas/print-ads-ads-ideas/dont-talk-drives/