วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

สายพันธุ์ "เเมวไทย"

          1. วิเชียรมาศ  เมื่อแรกเกิดจะมีขนสีขาวทั้งหมด พอโตขึ้นขนจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเทาอ่อน ๆ แต่ที่ปาก หาง เท้าทั้งสี หูทั้งสองข้าง และที่อวัยวะเพศอีกหนึ่งแห่ง รวมทั้งสิ้นเก้าแห่งมีสีดำหรือสีเข้มกว่าส่วนอื่น ๆ  มีนัยน์ตาประกายสดใส ใครเลี้ยงไว้มีคุณค่ายิ่งจะนำทรัพย์สมบัติมาให้
           2.ศุภลักษณ์  หรือมีอีกชื่อว่า “ทองแดง” จะมีสีขนเป็นสีทองแดงตลอดทั้งตัว นัยน์ตาเป็นประกาย ใครเลี้ยงไว้จะนำมาซึ่ง     ยศถาบรรดาศักดิ์


           3.แซมเสวตร  มีขนสีดำแซมขาว ขนบางและสั้น รูปร่างเพรียว มีในตาเหมือนหิ่งห้อย ใครเลี้ยงไว้ดี มีคุณหนักหนา

          


            4.โกนจา  จะมีสีดำละเอียด ในตาสีดอกบัวแรกแย้ม หางเรียวยาว ท่าทางการเดินสง่าเหมือนสิงโต ใครที่เลี้ยงแมวพันธุ์นี้ไว้จะได้รับแต่สิ่งที่ดี ๆ
            5.สีสวาด หรือ มาเลศ หรือ แมวโคราช  มีขนสีดอกเลาเปรียบเสมือนกับเมฆสีเทายามฟ้ายับฝน มีนัยน์ตาหยาดเยิ้มประหนึ่งน้ำค้างบนกลีบบัว เป็นแมวที่เชื่อกันว่านำมาซึ่งความสุข ความเป็นมงคลให้กับผู้เลี้ยง

            6.ขาวมณี  แมวไทยอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ไม่ได้มีระบุไว้ในสมุดข่อยโบราณ แต่ก็ถูกจัดว่าเป็นแมวไทยด้วยเช่นกัน เป็นสายพันธุ์ที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดในปัจจุบัน เชื่อกันว่าเพิ่งถือกำเนิดขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ มีสีขนและผิวกายขาวสะอาด ขนสั้นนุ่ม รูปร่างลำตัวยาว ขาเรียว ทรงเพรียวลม ไม่อ้วนหรือผอมเกินไป หัวไม่กลมโต แต่เป็นทรงสามเหลี่ยมคล้ายหัวใจ ดวงตาจะรีเล็กน้อย ในตาเป็นสีฟ้าหรือเหลืองอำพันสีใดสีหนึ่ง เมื่อนำแมวขาวมณีตาสีฟ้า ผสมกับแมวขาวมณีตาสีอำพัน ลูกที่ออกมาจะมีตาสองสี
                นอกจากรูปร่างลักษณะที่สวยงามแล้ว สิ่งที่โดดเด่นอีกอย่างของแมวไทยก็คือ อุปนิสัย ที่รักอิสระเป็นที่หนึ่ง ฉลาด เป็นตัวของตัวเอง รักบ้าน รักเจ้าของ ทั้งหมดเมื่อมารวม ๆ กันทำให้แมวไทยได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ทั้งในบ้านเราเองและต่างประเทศ
                ในฐานะหนึ่งในเอกลักษณ์ของชาติ เราทุกคนจึงควรมีหน้าที่ดูแลและมอบความรักให้กับแมวไทยทุกสายพันธุ์ เพื่อให้แมวไทยยังคงอยู่คู่ประเทศของเราไปอีกนาน ๆ


ภาพน่ารักของ "เจ้าเเมวเหมียว"

ภาพที่นำมาเผยเเพร่นี้เป็นภาพอิริยาบถของเเมว ฉันได้ถ่ายไว้เพื่อสังเกตความซุกซน ความน่ารักของ "เจ้าเเมวเหมียว"
 1 2 3 เเชะ!!

ใครเป็นคนถ่ายเนี่ย !!

เหมี้ยว เหมี้ยว... จะถ่ายอะไรจังเลยยย

วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2554

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ "เเมว"

ทำไมแมวชอบร้องเหมียวๆ
        แมวจะทำเสียง นี้ เมื่อรู้สึกพอใจหรือไม่พอใจในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เค้าเริ่มรู้จักที่จะสร้างเสียงแบบนี้ ตั้งแต่เป็นลูกแมว ซึ่งจะส่งเสียงนี้ในยามที่ต้องการความอบอุ่นจากแม่แมว และเวลาที่หิวนม ซึ่งเป็นกลไกที่เกิดจากสมองสั่งการ ให้เกิดเสียงร้องจากการสั่นของกล้ามเนื้อช่องคอนั่นเอง แมวมักจะทำเสียงนี้ในขณะหลับซึ่งคล้ายๆ กับเสียงกรน ครั้งต่อไปหาคุณได้ยินเสียงนี้อีกคุณลองถามเค้าสิว่า เค้าต้องการอะไร




ทำไมแมวจึงรักที่จะนอน


        "แมวขี้ เซา" เป็นคำที่ใช้เรียกแมวที่รักการนอนเป็นชีวิตจิตใจ พวกเค้าจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอนหลับอย่างน้อย 17 ชั่วโมงๆต่อวัน ซึ่งเป็น ลักษณะที่ถ่ายทอดมาจากแมวป่า ที่มักจะไม่ชอบออกล่าเหยื่อ หรือหาอาหารสักเท่าไหร่ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าแมวชอบที่จะนอนมากกว่า เจ้าแมวนอนหวดเอ๋ย




ทำไมแมวจึงชอบที่จะข่วนเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน


         พฤติกรรม การข่วนของแมวนั้น เกิดจากเหตุผลหลายอย่าง ประเด็นแรกนั้นการข่วนเป็นการฝนเล็บให้สวยงาม และแมวก็มีความสุขที่ได้ทำเช่นนั้น อีกทั้งพฤติกรรมนี้ยังเป็นการสร้างอาณาเขตของตัวเอง เพื่อป้องกันผู้บุกรุกแมว มักจะข่วนเป็นแนวตรงกับเสาหรือต้นไม้ ดังนั้น เราจึงควรจัดเตรียมที่ไว้ให้เป็นสัดส่วน สำหรับการฝนเล็บของแมว โดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายไปที่อื่น ถ้าย้ายไปละฮึ่ม....จะข่วนไม่ให้เหลือ....




ทำไมแมวจึงชอบคลอเคลียที่ขาของเรา


         แมว มีต่อมกลิ่นทั่วร่างกายเช่น ริมฝีปาก, สีข้าง, หน้าผาก, หาง เป็นต้น กลิ่นจะกระจายติดตามร่างกายของผู้ที่แมวเข้าไปคลอเคลีย การแสดงอาการเช่นนี้ของแมวบ่งถึงความต้องการที่จะแสดงความเป็นเจ้าของคุณ หากแมวแสดงพฤติกรรมเช่นนี้กับคุณแล้ว จงภูมิใจได้ว่าเค้ารักคุณ




ทำไมแมวจึงต้องใช้ถาดทรายแมว

  
         เพราะ แมวมักจะถ่ายบนถาดทรายเสมอ ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมที่ดี โดยเป็นสัญชาติญาณในการดำรงชีวิตในป่า เนื่องจากในป่า แมวจะมีพฤติกรรมหลบซ่อนศัตรูที่ไม่ให้ใครพบเห็น ถือเป็นพฤติกรรมที่ถ่ายทอดกันมาอย่าง
ยาวนาน นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมแมวจึงต้องการถาดทรายไว้หลบซ่อนของเสีย อันเป็นส่วนหนึ่งของพฤติกรรมนี้




ทำไมแมวจึงชอบเลียขน


          การเลีย สามารถกำจัดเศษขนที่หลุดล่วงและสิ่งสกปรกต่างๆ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้มีการเจริญใหม่ ของชั้นผิวหนังและขน ยิ่งกว่านั้นน้ำลายของแมวยังช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายของเค้าด้วย ลูกแมวจะรู้จักการเลียขนตั้งแต่แรกเกิดโดยมีแม่แมวเป็นผู้จัดการสอนเลียขน ให้

 
 
"คุณควรตระหนักเสมอว่าแมวมีวิวัฒนาการธรรมชาติมาจากสัตว์ป่า ซึ่งอุปนิสัยเหล่านั้นยังคงอยู่ในร่างกายและจิตใจของแมวจวบจน ทุกวันนี้ คุณจึงควรให้ความรักและเข้าใจแมวของคุณ ร้องเรียกเหมียว... เหมียว... เดี๋ยวก็มา"

เรื่องเล่า "เเมวไทย"

             สิ่งหนึ่งที่เราในฐานะคนไทยควรจะภาคภูมิใจก็คือ เรามีเอกลักษณ์สำคัญของชาติมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การไหว้ ภาษาหรือการดนตรี รวมทั้งสายพันธุ์ของสัตว์ที่มีถิ่นกำเนิดจากบ้านเราโดยเฉพาะ เช่นสุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน หรือพันธุ์บางแก้ว รวมไปถึง “แมวไทย” ทุกสายพันธุ์
             ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า แมวไทย นั้นมีจุดกำเนิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือมีทั้งสิ้นกี่สายพันธุ์กัน
แน่ แต่ตามสมุดข่อยโบราณระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษรว่า แมวไทยในสมัยอยุธยานั้นมีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 23 สายพันธุ์ โดยแบ่งเป็นแมวให้คุณทั้งสิ้น 17 สายพันธุ์  ดังนี้ วิเชียรมาศ ศุภลักษณ์ มาเลศ โกนจา นิลรัตน์ วิลาศ เก้าแต้ม รัตนกำพล นิลจักร มุลิลา กรอบแว่น ปัดเสวตร กระจอก สิงหเสพย์ การเวก จตุบท และแซมเศวตร โดยมีแมวให้โทษอีกทั้งสิ้น  6 สายพันธุ์ คือ ทุพลเพศ พรรณพยัคฆ์ ปีศาจ หิณโทษ กอบเพลิง และเหน็บเสนียด
                เหตุที่แบ่งเป็นแมวให้คุณกับแมวให้โทษนั้น เป็นความเชื่อของคนในสมัยโบราณโดยดูจากบุคลิกลักษณะของแมวแต่ละสายพันธุ์ ว่าเลี้ยงแล้วจะนำสิ่งที่ดี ๆ หรือสิ่งชั่วร้ายมาสู่ผู้เป็นเจ้าของ ถัดจากบันทึกในสมัยอยุธยา เรื่องราวของแมวไทยก็ได้หายไปจากหลักฐานต่าง ๆ  จนกระทั่งมาปรากฏอีกทีในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อพระองค์ได้ทรงพระราชทานแมวไทยสายพันธุ์วิเชียรมาศคู่หนึ่งให้กับกงสุลอังกฤษ ซึ่งกงสุลอังกฤษคนนั้นได้นำแมวไทยไปประกวดที่ประเทศอังกฤษโดยผลปรากฏว่าแมวไทยชนะเลิศในประเภทแมวขนสั้น ส่งผลให้แมวไทยมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ทั้งนี้ในสมัยนั้นแมวไทยจะเลี้ยงอยู่ในวังเท่านั้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นพันธุ์วิเชียรมาศ ชาวบ้านธรรมดาไม่มีสิทธิ์ในการเลี้ยงแมวไทย และห้ามไม่ให้ซื้อขายแมวไทยกันด้วย
                กาลเวลาล่วงเลยมาจนถึงปัจจุบัน จากเดิมที่มีทั้งสิ้น 23  สายพันธุ์ ทุกวันนี้แมวไทยเหลือเพียง 6 สายพันธุ์เท่านั้น ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะแมวไทยในวังเริ่มลดจำนวนลง แมวกลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงที่อยู่กระจัดกระจายตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น ในวัด หรือตามบ้านเรือนประชาชน ขาดการควบคุมดูแลอย่างเป็นจริงเป็นจัง ทำให้แมวไทยไปผสมกันเองตามธรรมชาติจนเกิดการข้ามสายพันธุ์ ในยุคหลัง ๆ แมวไทยเดิมพันธุ์แท้เริ่มหายากเข้าไปทุกที จนสุดท้ายเริ่มหมดไปเรื่อย ๆ เหลืออยู่เพียง 6 สายพันธุ์